ผู้ใช้พบปัญหา iPhone 13 Pro max จอเสียหลังหมดประกันได้ไม่นาน

ผู้ใช้พบปัญหา iPhone 13 Pro max จอเสียหลังหมดประกันได้ไม่นาน

ผู้ใช้ชาวไทยกำลังประสบปัญหา iPhone 13 Pro max จอเสีย แบบไม่ทราบสาเหตุหลังหมดประกันได้ไม่นาน มีผู้เสียหายกว่า 6,500 คนแล้ว วันที่ 14 พ.ย. 2565 ได้มีกระแสผู้ใช้ iPhone 13 Pro เกิดอาการจอเสีย ซึ่งพบได้ส่วนมากจากเครื่องที่หมดประกันได้ไม่นาน ซึ่งอาการผิดปกตินี้ จอเขียว หรือขาว ไม่สามารถแสดงผลใดๆทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวนี้ทั้งหมดจะพบกับเครื่อง iPhone 13 Pro max 

ที่ผลิตในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2022 ในเวลาต่อมาปัญหานี้ยังพบในเครื่องรุ่นอื่นๆอีกด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ปัญหาดังกล่าวนี้ ไม่ได้เกิดจากซอฟต์แวร์ เนื่องจากเบื้องต้นเจ้าหน้าที่หลังการขายให้ข้อมูลว่าปัญหานี้เกิดขึ้นมาจากฮาร์ดแวร์โดยตรง

โดยเครื่อง Phone 13 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่เปลี่ยนมาใช้หน้าจอรีเฟรชเรต 120Hz ผลิตโดย Samsung Display และ LG Display พร้อมทั้ง กลุ่มเฟซบุ๊ก รวมคนมีปัญหาทางหน้าจอของไอโฟน ซึ่งมีสมาชิกผู้เสียหายกว่า 6,500 คน ได้ส่งอีเมล์ไปยังสื่อต่าง ๆ ในไทยเพื่อคำแนะนำเบื้องต้น และช่วยประสานงานกับทาง Apple แล้ว ในขณะนี้ทาง Apple ยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีใด ๆ ต่อเรื่องนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมเราจะรายงานให้ทราบโดยทันที

อย่าเพิ่งอัปเดต !!! ผู้ใช้ iPhone 13 ซีรีส์หลายคนกำลังประสบปัญหา ‘จอเขียว’ (Green Screen) หลังจากอัปเดตเป็น iOS 16.1 คาดน่าจะเป็นเพราะบั๊ค ค่าซ่อมจอเริ่มต้น 13,000 บาท iOS 16.1 การอัปเดตครั้งใหม่ของทาง Apple เหมือนกำลังมีปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะกับผู้ใช้งาน iPhone 13 ซีรีส์ได้แก่ 13, 13 Pro และ 13 Pro Max ที่หลายคนเจอปัญหาจอเขียวภายหลังการอัปเดต ซึ่งมีเป็นกันหลายคนทั่วโลก

สำหรับ iOS 16 เป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ซึ่งจะมีการปรับแต่งต่าง ๆ ทั้ง หน้าจอล็อก, กล้อง และเพิ่มฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งานต้องหารมากขึ้น เช่น การตอบสนองแบบสัมผัสบนแป้นพิมพ์ การลากและวางที่ได้รับการปรับปรุง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ราบรื่นใน iOS 16 ผู้ใช้รายงาานว่าหลังจากอัปเดตแล้วการใช้งานแบตเตอรี่นั้นแย่ลง และปัญหาด้านความร้อนและปัญหาการแสดงผล

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ย.65 ทางแอปเปิ้ล ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ iOS 16.1 เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ข้างต้น แต่กลายเป็นว่า ผู้ใช้งาน iPhone 13 จำนวนมากประสบปัญหาจอแสดงผล เช่น ปัญหาหน้าจอสีเขียว ที่ทำให้ทั้งหน้าจอเปลี่ยนเป็นสีเขียวโดยไม่มีเนื้อหาที่มองเห็นได้บนจอแสดงผลเลย

นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ประสบปัญหาหน้าจอเป็นสีรุ้ง ซึ่งเป็นเส้นสีที่เปลี่ยนไปอย่างถาวร เป็นปัญหาที่แผง OLED อย่างไรก็ตาม ปัญหาไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น มีรายงานเส้นสีเขียวบนหน้าจอด้วย

ในกรณีส่วนใหญ่ปัญหามักจะเริ่มด้วยการกะพริบของหน้าจอและโทนสีเขียวเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดในที่แสงน้อยและเมื่อสีเทาแสดงบนหน้าจอ ปัญหานี้ยังสังเกตเห็นได้ในองค์ประกอบแบบโต้ตอบ เช่น ปุ่ม UI และแป้นพิมพ์

ทาง iPhone มีการแนะนำให้นำอุปกรณ์ไปที่ศูนย์บริการ Apple หลังจากลองวิธีแก้ปัญหาพื้นฐานทั้งหมดแล้ว แม้ว่าปัญหานี้เกิดขึ้นกับ iPhone OLED หลายรุ่น แต่รายงานล่าสุดระบุว่าปัญหานี้เกิดขึ้นกับ iPhone 13 อย่างมีนัยสำคัญ

จากเหตุการณ์นี้ทำให้ร้านรับซื้อ-ขาย มือถือมือสองต่างปิดรับการซื้อต่อไอโฟน 13 เนื่องจากปัญหาที่ยังไม่มีการแก้ไข และอาจเกิดซ้ำได้ในอนาคต ทั้งยังต้องรอความเคลื่อนไหวจากทาง Apple อยู่เป็นระยะ

‘LumaFusion’ แอปตัดต่อคลิปจาก iOS เปิดให้ Android ได้ใช้แล้ว

เชื่อว่าใครทีเป็นสาวก Apple ต้องคุ้นหน้ากับแอป LumaFusion โปรแกรมตัดต่อวิดิโอที่ทาง iOS นั้นหวงนักหวงหนา ขึ้นแท่นลูกรักของค่ายที่เปิดให้มช้ได้ทั้ง iPad และ iPhone รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ จากทางแอปเปิ้ลด้วยเช่นกัน

ล่าสุดหลังจากปล่อยให้ผู้ใช้ทางฝั่ง แอนดรอย (Android) และ ChromeOS นั่งรอตาเป็นมันมากว่า 9 เดือน หลังทางแอปเปิ้ลประกาศว่าจะปล่อย LumaFusion ให้เพื่อน ๆ เจ้าอื่นได้ใช้บ้าง ในที่สุดเมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 ทางค่ายผลไม้ก้ได้ปล่อยแอป LF ออกมาให้ดาวน์โหลดไปใช้กันได้สักที

ฟีเจอร์ส่วนใหญ่คือรองรับสื่อและโปรเจกต์ตั้งแต่ 18fps ถึง 240fps และ Storyblocks ซึ่งสามารถชำระเงินซื้อคอนเทนต์จากคลังสื่อเสริมเพื่อนำไปใช้ในวิดีโอของเราได้ เช่นภาพวิดีโอ เสียง แอนนิเมชันต่าง ๆ

LumaFusion อาจจำกัดจำนวนแทร็กเสียงและวิดีโอขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ เช่นเดียวกับแอปบน iOS ผู้ใช้จะสามารถวาง แทร็ก ได้มากถึง 12 แทร็กและมากถึง 6 แทร็กสำหรับสื่อประกอบ

ใครที่สนใจใช้ LumaFusion สามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store หรือ Samsung Galaxy Store ในราคา 20 ดอลลาร์ โดยจะได้เวอร์ชั่นเบต้า และเมื่อเวอร์ชันเสถียรเสร็จสิ้นแล้วจะได้อัปฟรีทันที ในขณะผู้ที่ซื้อหลังเวอร์ชันเสถียรออกมาแล้ว จะต้องซื้อในราคา 30 ดอลลาร์ เพื่อให้ได้ความเท่าเทียมกันกับราคาแอปบน iOS

“สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในปีที่แล้วและปีนี้กลับไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีแต่เป็นผู้คนที่มีความตั้งใจจริงและกระตือรือร้นในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปี 2565 ผู้บริหารไอทีจำเป็นต้องกำหนดและตั้งค่าวิธีการทำงานใหม่ ๆ โดยนำความสามารถในการประกอบธุรกิจแยกย่อยและเทคโนโลยีที่รองรับเวิร์กโฟลว์ที่ไม่สอดประสานกัน” นายเลิฟล็อคกล่าวเพิ่มเติม

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป